วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คีย์ลัดของ Office

คีย์ลัด สุดHOT! [A-Z สำหรับ MS Office]

CTRL + A = Select All เลือกทั้งหมด
CTRL + B = Bold ตัวหนา
CTRL + C = Copy คัดลอก
CTRL + D = Font format กำหนดรูปแบบอักษร
CTRL + E = Center ตรงกลาง
CTRL + F = Find ค้นหา
CTRL + G = Goto ไปที่
CTRL + H = Replace แทนที่
CTRL + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + J = Justify จัดชิดขอบ
CTRL + K = Insert Hyper Link แทรกการเชื่อมโยงหลายมิติ
CTRL + L = Left จัดชิดซ้าย
CTRL + M = Indent เพิ่มระยะเยื้อง
CTRL + N = New สร้างแฟ้มใหม่
CTRL + O = Open เปิดแฟ้มใหม่
CTRL + P = Print พิมพ์
CTRL + Q = Reset Paragraph ตั้งค่าย่อหน้าใหม่
CTRL + R = Right จัดชิดขวา
CTRL + S = Save จัดเก็บ (บันทึก)
CTRL + T = Tab (ตั้งระยะแท็บ)
CTRL + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + V = Paste วาง
CTRL + W = Close ปิดแฟ้ม
CTRL + X = Cut ตัด
CTRL + Y = Redo or Repeat ทำซ้ำ
CTRL + Z = Undo ยกเลิกการกระทำครั้งล่าสุด

CTRL + SHIFT + A = All Caps ทำเป็นตัวใหญ่ทั้งหมด (สำหรับภาษาอังกฤษ)
CTRL + SHIFT + B = Bold ตัวหนา
CTRL + SHIFT + C = Copy Format คัดลอกรูปแบบ
CTRL + SHIFT + D = Double Underline ขีดเส้นใต้ 2 เส้น
CTRL + SHIFT + E = Revision Mark Toggle สลับการทำเครื่องหมายรุ่นเอกสาร
CTRL + SHIFT + F = Fonts Name Select เลือกชื่อแบบอักษร
CTRL + SHIFT + G = Word count นับจำนวนคำ
CTRL + SHIFT + H = Hidden ซ่อน
CTRL + SHIFT + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + SHIFT + J = Thai Justify จัดคำแบบไทย
CTRL + SHIFT + K = Small Caps ทำอักษรตัวพิมพ์เล็กให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่แบบเล็กๆ
CTRL + SHIFT + L = Apply List Bullet ใช้เครื่องหมายหน้าข้อ
CTRL + SHIFT + M = Unindent ลดระยะเยื้อง
CTRL + SHIFT + N = Normal Style ใช้ลักษณะแบบปกติ
CTRL + SHIFT + O = N/A
CTRL + SHIFT + P = Font Size Select เลือกขนาดแบบอักษร
CTRL + SHIFT + Q = Symbol Font ใช้แบบอักษรสัญลักษณ์
CTRL + SHIFT + R = Recount Words นับคำใหม่
CTRL + SHIFT + S = Style กำหนดลักษณะ
CTRL + SHIFT + T = Unhang ไม่แขวนภาพ
CTRL + SHIFT + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + SHIFT + V = Paste Format วางรูปแบบ
CTRL + SHIFT + W = Word Underline ขีดเส้นใต้เฉพาะคำ
CTRL + SHIFT + X = N/A
CTRL + SHIFT + Y = N/A
CTRL + SHIFT + Z = Reset Character ตั้งค่าแบบอักษรใหม่

CTRL + ALT + A = N/A
CTRL + ALT + B = N/A
CTRL + ALT + C = Copyright sign ((c)) สัญลักษณ์ลิขสิทธิ์
CTRL + ALT + D = N/A
CTRL + ALT + E = Euro Sign (?) สัญลักษณ์เงินยูโร
CTRL + ALT + F = Insert Footnote Now แทรกหมายเหตุ
CTRL + ALT + G = N/A
CTRL + ALT + H = N/A
CTRL + ALT + I = Print Preview ตัวอย่างก่อนพิมพ์
CTRL + ALT + J = N/A
CTRL + ALT + K = Auto Format จัดรูปแบบอัตโนมัติ
CTRL + ALT + L = Insert List Number แทรกเลขลำดับหน้าข้อ
CTRL + ALT + M = Insert Annotation แทรกคำอธิบาย
CTRL + ALT + N = Normal View มุมมองปกติ
CTRL + ALT + O = Outline View มุมมองแบบร่าง
CTRL + ALT + P = Page View มุมมองเหมือนพิมพ์
CTRL + ALT + Q = N/A
CTRL + ALT + R = Registered sign สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
CTRL + ALT + S = Document Split แยกเอกสาร
CTRL + ALT + T = Trade Mark sign (?) สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้า
CTRL + ALT + U = Update Auto Format for Tableปรับปรุงการจัดรูปแบบอัตโนมัติในตาราง
CTRL + ALT + V = Insert Auto Text แทรกข้อความอัตโนมัติ
CTRL + ALT + W = N/A
CTRL + ALT + X = N/A
CTRL + ALT + Y = Repeat find ค้นหาเพิ่มเติม
CTRL + ALT + Z = Go back ย้อนกลับ

Special Keys
CTRL + < = Decrease Font size by step เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด
CTRL + > = Increase Font size by step ลดขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด
CTRL + [ = Decrease Font size by point เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + ] = Increase Font size by point ลดขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + - = Optional Hyphen แทรกยัติภังค์
CTRL + _ = Non Breaking Hyphen แทรกยัติภังค์แบบไม่แบ่งคำ
CTRL + = = Sub Script ตัวห้อย
CTRL + + = Super Script ตัวยก
CTRL + \ = Toggle Master sub document สลับไปมาระหว่างเอกสาร


เพิ่มเติม


ปุ่ม Windows + E เปิด Windows Explorer
ปุ่ม Windows + M ย่อขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop
ปุ่ม Windows + Shift + M ทำให้หน้าต่าที่ย่อกลับสู่สภาพเดิม
ปุ่ม Windows + D ย่อ/ยกเลิก ขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop
ปุ่ม Alt + Print Screen ใช้ Copy หน้าต่างที่เปิดล่าสุด ไปไว้ที่คลิปบอร์ดก่อน แล้วนำไป Paste ในโปรแกรมต่างๆ ได้
ปุ่ม Windows + F ค้นหา File ในเครื่อง
ปุ่ม Alt + F ใช้เปิด File ในโปรแกรมต่างๆ
ปุ่ม Atl + Tab เลือกหน้าต่างอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้ Mouse
ปุ่ม Delete ลบ
ปุ่ม Alt + Esc เลือกหน้าต่างที่เปิดไว้มากๆ โดยจะวนไปเรื่อยๆ
ปุ่ม Alt + F4 ปิดโปรแกรม / ปิด windows (Shut Down)
ปุ่ม Shift + ลูกศร หรือ เมาส์ เป็นการเลือก (Select) เพิ่มจากเดิม
ปุ่ม Ctrl + คลิ๊กเมาส์ เป็นการเลือก (Select) File มากว่า1 ต้องกด Ctrl ค้างไว้
ปุ่ม Shift + Shut down ( Alt+F4) Restart Windows (ต้องกด Shift ค้างไว้)
ปุ่ม Shift ค้างไว้ ขณะใส่แผ่น Cd เพื่อยกเลิกคุณสมบัติ autorun

Tip หรือ เทคนิค การปรับแต่งให้คอมพิวเตอร์

เทคนิคเรียกโปรแกรม Registry Editor อย่างรวดเร็ว ด้วยการสร้างไอคอน
Shortcut การเรียกโปรแกรม Registry Editor ขึ้นมาโดยการพิมพ์ คำสั่ง regedit ที่หน้าต่าง Run อาจเป็นเรื่องยุ่งยากและค่อนข้างเสียเวลาไม่น้อย หากคุณเป็นคนที่ชอบเข้าไปเจาะระบบหรือปรับแต่งค่าต่าง ๆ ใน Registry อยู่บ่อย ๆ ควรสร้างไอคอน ไว้สำหรับเรียกโปรแกรม Registry Editor ขึ้นมาจะดีกว่าครับ เพราะรวดเร็วกว่าเดิมเยอะ

1. เข้าไปที่หน้าต่าง C:\\WINDOWS 
2. แล้วคลิกขวาที่ไอคอน REGEDIT.EXE แล้วเลือกคำสั่ง Create Shortcut

3. จะได้ไอคอนชื่อ Shortcut to REGEDIT.EXE ให้เราลากมาไว้ที่หน้าจอ Desktop เพื่อสะดวกในการเรียกใช้เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว

คีย์ลัดของ Windows

แนะนำคีย์ลัดคีย์ด่วน (Shortcut Key) ของ Windows 

CTRL+A  ไฮไลต์ไฟล์ หรือข้อความทั้งหมด
CTRL+C  ก๊อปปี้ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+X   ตัด (cut) ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
CTRL+V   วาง (paste) ไฟล์ หรือข้อความที่ก๊อปปี้ไว้
CTRL+Z  ยกเลิกการกระทำที่ผ่านมาล่าสุด
ปุ่ม Windows   ถ้าใช้เดี่ยว ๆ จะเป็นการแสดง Start Menu
ปุ่ม Windows + D  ย่อหน้าต่างที่เปิดอยู่ทั้งหมด
ปุ่ม Windows + E   เปิด windows explorer
ปุ่ม Windows + F  เปิด Search for files
ปุ่ม Windows + Ctrl+F เปิด Search for Computer
ปุ่ม Windows + F1 เปิด  Help and Support Center
ปุ่ม Windows + R  เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ RUN
ปุ่ม Windows + break  เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ System Properties
ปุ่ม Windows +shift + M  เรียกคืนหน้าต่างที่ถูกย่อลงไปทั้งหมด
ปุ่ม Windows + tab  สลับไปยังปุ่มต่าง ๆ บน Taskbar
ปุ่ม Windows + U  เปิด Utility Manager

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานคอมพิวเตอร์




1.RivaTuner (โปรแกรม โอเวอร์คล็อก การ์ดจอ ที่ได้รับ ความนิยมสูงสุด ในหมู่เกมเมอร์) 
เป็นโปรแกรมยอดนิยม ที่จะช่วยให้การ์ดจอนั้นเพิ่มขีดความสามารถ และ ความแรง ขึ้นมาอีกระดับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลเวลาเล่นเกมส์หรือทำงานเกี่ยวกับ 3 มิติ (3D) หรือที่เราเรียกกันว่าเป็นการ โอเวอร์คล็อก (Over Clock) โดยตัวโปรแกรมจะมีการปรับแต่ง หรือ tuning รอบความเร็วนาฬิกา (Clock) ทั้งตัว GPU, Memory และ Shader ตามความต้องการของผู้ใช้งาน โดยที่จะต้องเปิด Hardware Monitor ขอแนะนำว่าให้เปิดไว้ตลอดเวลาที่เราจะทำการ โอเวอร์คล็อกด้วย เพื่อที่จะได้เป็นตัวเช็ค Core/ Shader/ Memory และรวมถึงเอาไว้ดูอุณหภูมิของมันด้วย ส่วนการ์ดจอที่จะใช้กับโปรแกรมนี้ได้ก็คือการ์ดจอจากค่าย "nvidia" เท่านั้น
คำเตือน : การโอเวอร์คล็อกมีทั้งข้อดีข้อเสีย ถ้าเราเร่งการทำงานของการ์ดจอมากเกินไป ก็อาจส่งผลในเรื่องของความร้อน และทำให้การ์ดจอนั้นเสื่อมสภาพเร็วขึ้นมาก  สำหรับท่านที่เพิ่งหัดทำควรจะศึกษาให้ละเอียดก่อนใช้โปรแกรม เพื่อความปลอดภัยของการ์ดจอ



 2.Wise Disk Cleaner 3 Free :
 
สำหรับคนที่กลุ้มใจกับเนื้อที่ฮารดิสที่รู้สึกว่าเต็มเร็วเหลือเกิน จะลบข้อมูลบางอย่างทิ้งก็ไม่รู้จะลบอะไรยังไง โปรแกรมนี้ช่วยคุณได้ จะช่วยคุณวิเคราะห์ว่าโปรแกรมไหน ไฟล์ไหนบ้างที่คุณไม่ค่อยได้ใช้ สามารถทำการลบได้เลยหรือไฟล์ไหนที่ไฟล์ขยะจริงมันก็ช่วยทำการค้นหาทำให้คุณทำการเก็บกวาดไฟล์รกๆได้อย่างสบายใจ

ที่มา : http://www.thaiware.com

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประวัติของ / วิวัฒนาการของ CPU ( Intel)

วิวัฒนาการของ Intel



เป็น บริษัทผู้ผลิตซีพียูที่เก่าแก่และมีการพัฒนา มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ซีพียู 8086 , 8088 และซีพียูในตระกูล 80x86 เรื่อยมา จนมาถึง Celeron , Pentium II และ III ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยนั้น ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ยุค Celeron II, Pentium 4 และ Pentium 4 Extreme Edition ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้อย่างกว้างขวาง เรื่อยมาจนมาถึงยุคของ Celeron D และ Pentium 4 ภายใต้รหัส Processor Number ใหม่ รวมไปถึงซีพียูในกลุ่ม Dual และ Quad-Core อย่าง Pentium D , Pentium Dual-Core, Pentium Extreme Edition , Core Duo, Core 2 Duo, Core 2 Quad และ Core 2 Extreme ที่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคซีพียูในแบบ Dual & Multi-Core บนเครื่องซีพีที่ใช้กันอยู่แพร่หลายในปัจจุบัน รวมทั้งซีพียูบนโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมแบบใหม่อย่าง Nehalem ที่จะมาพร้อมกันแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า Core i7 เป็นต้น
หลังจากที่ Intel ออกCPU สำหรับอุปกรณ์พกพาในชื่อว่า Atom ไปเรียบร้อยแล้วนั้น กระแสก็ออกมาแรงเห็นๆ ทั้งกลุ่มผู้ผลิตมากมายก็เจาะตลาดขาย Netbook กันอย่างล้นหลาม Intel นั้นมีตำนานในการผลิต Microprocessor ตั้งแต่ใช้ในเครื่องคิดเลข และพัฒนาต่อยอดขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งทำให้เห็นว่าศักยภาพของการพัฒนาที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น ทำให้เราได้ใช้เทคโนโลยีอย่างไร้ขีดจำกัด อยู่ที่ว่าเงินในกระเป๋าเราจะมีแค่ไหน ที่นี่เรามาย้อนดูวิวัฒนาการตั้งแต่ ปี 1971 จนถึงปัจจุบันกัน

1971 : 4004 Microprocessor รุ่นแรกของ Intel ใช้งานในเครื่องคิดเลข

1972 : 8008 Microprocessor รุ่นที่พัฒนาต่อมา ใช้งานแบบ "TV typewriter" กับ dump terminal

1974 : 8080 Microprocessor รุ่นนี้เป็นการใช้งานแบบ Personal Computer รุ่นแรก ๆ

1978 : 8086-8088 Microprocessor หรือรุ่น XT ยังเป็นแบบ 8 bit เป็น PC ที่เริ่มใช้งานจริงจัง

1982 : 80286 Microprocessor หรือรุ่น AT 16 bit เริ่มเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานแพร่หลายกันแล้ว

1985 : 80386 Microprocessor เริ่มเป็น CPU 32 bit และสามารถทำงานแบบ Multitasking ได้

1989 : 80486 Microprocessor เข้าสู่ยุคของการใช้จอสี และมีการติดตั้ง Math-Coprocessor ในตัว

รุ่นแรกๆ ทาง Intel ใช้ชื่อรุ่นเป็นรุ่นของ CPU นั้นๆเลยจึงเกิดการเลียนแบบเทคโนโลยีกันขึ้นโดยค่ายอื่นได้ผลิตเทคโนโลยีตาม หลังIntelมาเรื่อยๆ ต่อมาทาง Intel ได้ใช้ชื่อ Pentium แทน 80486 เนื่องจากการที่ ชื่อสินค้าที่เป็นตัวเลขกฏหมายไม่ยอมให้จดลิขสิทธิ์ จึงเป็นที่มาของชื่อ Platform ต่างๆ

1993 : Pentium Processor ยุคแรกที่ Intel ใช้ชื่อว่า Pentium

1995 : Pentium Pro Processor สำหรับเครื่อง Server และ Work Station โดยต่อมาได้ผลิต
          เทคโนโลยี MMX และทำเป็น Intel MMX


1997 : Pentium II Processor รวมเ Technology ของ Pentium Pro คือ มี cache ระดับ 2 รวมอยู่บน
          package เดียวกับ CPU กับ Technology MMX ไว้ด้วยกัน แล้วทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง  
          ภายใน 1998 : Pentium II Xeon(TM) Processor สำหรับ Server และ Work Station 

      
1999 : Celeron(TM) Processor สำหรับตลาดระดับล่างของ Intelที่ตัดความสามารถบางส่วนออก      
          เพื่อลดต้นทุนการผลิต และ สามารถขายได้ในราคาที่ถูกกว่า Pentium II มากแต่ถึงแม้ Celeron 
         ที่ออกมานั้น จะใช้ในงานด้าน เล่นเกมส์ได้ดี แต่กลับงานประเภท office application กลับทำได้  
          แย่กว่า หรือพอพอกับ Pentium MMX



1999 : Pentium III Processor เพิ่มชุดคำสั่งที่ช่วยประมวลผลในด้านต่างๆไปใหม่ ในลักษณะของ MMX
         
1999 : Pentium III Xeon(TM) Processor สำหรับ Server และ Work Station

2001 : Pentium 4 Processor มีเทคโนโลยี HT ทำให้การใช้งานทีละหลายโปรแกรมได้ดีขึ้น

2003 : Pentium M ส่วนใหญ่ใช้ใน mobile technology เนื่องจากใช้กำลังไฟฟ้าน้อย

2005 : Pentium D มีการใช้สถาปัตยกรรมแบบ Multi-core เพิ่มเข้ามาโดยมี2 coreแต่ละ core จะเป็น
          อิสระต่อกัน

2006 : Intel Core duo นี่แหละครับพระเอกของเรา ต่างกับ Pentium Dตรงที่มีการแชร์2 coreด้วยกัน  
          (dual core)


2006 : Intel Core 2 Duo รองรับชุดคำสั่ง 64 bit และยังประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย

2006 : Intel Core 2 Extreme QX6700 คือ มี 4 core
2006 : Yorkfield คือ 8 core

(Moore's Law) คือ

กฎของมัวร์ (Moore's Law)

 หากกฎของมัวร์เป็นจริงคอมพิวเตอร์จากอดีตสู่ปัจจุบันจะก้าวไป อย่างไรในปี พ.ศ. 2490 วิลเลียมชอคเลย์และกลุ่มเพื่อนนักวิจัยที่สถาบัน เบลแล็ป ได้คิดค้นสิ่งที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกมาก เป็นการเริ่มต้นก้าวเข้าสู่ยุคอิเล็กทรอนิคส์ที่เรียกว่า โซลิดสเตทเขาได้ตั้งชื่อสิ่งทีประดิษฐ์ขึ้นมาว่า "ทรานซิสเตอร์" แนวคิดในขณะนั้นต้องการควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้า ซึ่งสามารถทำได้ดีด้วยหลอดสูญญากาศแต่หลอดมี ขนาดใหญ่เทอะทะใช้กำลังงานไฟฟ้ามากทรานซิสเตอร์จึงเป็นอุปกรณ์ที่นำมาแทน หลอดสูญญากาศได้เป็นอย่างดีทำให้เกิดอุตสาหกรรมสาร กึ่งตัวนำตามมา และก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ
พ.ศ. 2508 อุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์สารกึ่งตัวได้แพร่หลาย มีบริษัทผู้ผลิตทรานซิสเตอร์จำนวนมากการประยุกต์ใช้งานวงจร อิเล็กทรอนิกส์  กว้างขวางขึ้น มีการนำมาใช้ในเครื่องจักร อุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ของใช้ในบ้าน จึงถึงในโรงงานอุตสาหกรรม
กอร์ดอน มัวร์ (Gordon E. Moore)ผู้อำนวยการวิจัยและพัฒนาของบริษัทแฟร์ซายด์เซมิคอนดัคเตอร์เป็นผู้ อยู่ในวงการวิจัยและพัฒนา ผลิตภัณฑ์ และการค้นคว้า ทางด้านสารกึ่งตัวนำ ต่อมาเขาได้เป็นผู้บุกเบิกและร่วมสร้างบริษัทอินเทลจนมีชื่อเสียงโด่งดังและ ประสบผลสำเร็จ การผลิตและการค้นคว้าทางด้านสารกึ่งตัวนำส่วนใหญ่ของแฟร์ซายด์จะอยู่ในการ ดำเนินการของมัวร์เขาได้คลุกคลีกับเทคโนโลยีมาอย่าง ต่อเนื่อง และยาวนานจากการสังเกตและคาด คะเน แนวโน้มทางเทคโนโนโลยีของมัวร์ในที่สุดเขาได้ตั้งกฎของมัวร์ (Moore's Law) จนเป็นที่ยอมรับ และทำให้การคาดคะเนอนาคตได้ใกล้เคียง ความเป็นจริง
  ทฤษฎีของมัวร์ได้กล่าวไว้ว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและความซับซ้อนของ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอรืทำให้สามารถ ผลิต     ไอซีที่มี ความหนาแน่นไดด้เป็นสองเท่าทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาได้ทำการพล็อตกราฟแบบสเกลล็อกให้ดูจากอดีตและพบว่าเป็นเช่นนั้นจริง นอกจากนี้ความก้าวหน้าอื่น ๆ อีกหลายอย่างก็เป็นไปตามกฎของมัวร์ด้วยเช่นกัน
การสร้างทรานซิสเตอร์มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง บริษัท แฟร์ซายด์ เซมิคอนดัคเตอร์เป็นบริษัทแรกที่เริ่มใช้เทคโนโลยีการผลิต ทรานซิสเตอร์แบบ    planar หรือเจือสารเข้าทางแนวราบ เทคโนโลยีนี้เป็นต้นแบบของการสร้างไอซีในเวลาต่อมา จากหลักฐานที่กล่าวอ้างไว้พบว่า บริษัทแฟร์ซายด์ได้ผลิตพลาน่าทรานซิสเตอร์ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2502 และบริษัทเท็กซัสอินสตรูเมนต์ได้ผลิตไอซีได้ในเวลาต่อมา และกอร์ดอนมัวร์ก็ได้กล่าวไว้ว่า จุดเริ่มต้นของกฎของมัวร์เริ่มต้นจากการเริ่มมีพลาน่าทรานซิสเตอร์

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การแทนข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์

ARTHITIYA   MAHALAPBUTR


                    ASCII         มีค่าในฐาน 16
A            0100 0001           41
R            0101 0010           52
T            0101 0100           54
H            0100 1000           48
I             0100 1001           49
T            0101 0100           54
I             0100 1001          49
Y           0101 1001           59
A           0100 0001           41


M          0100 1101          4D
A           0100 0001          41
H           0100 1000          48
A           0100 0001           41
L           0100 1100           4C
A           0100 0001           41
P           0101 0000           50
B           0100 0010            42
U           0101 0101            55
T            0101 0100           54
R           0101 0010            52

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เทคโนโลยีสมัยใหม่

 iPod touch

iPod touch ได้ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ ของiPod ทั้งหมดที่มีมา ด้วยคุณสมบัติหน้าจอสัมผัส multi-touch ด้วยการฟังเพลง ดูภาพถ่ายและวีดีโอ เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสของคุณเอง  และน่าตื่นตาตื่นใจกับโปรแกรมอัตโนมัติของการฟังเพลง เพียงแค่คุณเอียงหน้าจอของ iPod touch ขณะอยู่ในโหมดฟังเพลงอยู่นั้น ให้เป็นแนวนอน iPod touch ก็จะเข้าฟังก์ชั่น Cover Flow ให้โดยอัตโนมัติ ให้คุณใช้ปลายนิ้วพลิกเลือกปกอัลบัมของเพลงที่คุณต้องการฟังได้ทันที  นอกจากนั้น iPod touch เป็น iPod รุ่นเดียวเท่านั้น ที่มี Wi-Fi Antenna ทำให้คุณสามารถออนไลน์ ท่องอินเตอร์เน็ตแบบไร้สายได้อย่างง่ายดาย
คุณจะสามารถใช้ browser อย่าง Safari , Google Search  หรือ  Yahoo!  และคุณยังสามารถบันทึกข้อมูลจากอินเตอร์เน็ทที่คุณต้องการจะเก็บได้อีกด้วย
iPod touch 8GB บันทึกเพลงได้ถึง  1,750 เพลง  / ภาพถ่าย 10,000 ภาพ  playback video ได้นานกว่า 10 ชั่วโมง  สีดำ หน้าจอ 3.5 นิ้ว multi-touch และ Wi-Fi (802.11b/g)  ราคา คือ 12,990 บาท
iPod touch 16GB บันทึกเพลงได้ถึง  3,500 เพลง  / ภาพถ่าย 20,000 ภาพ  playback video ได้นานกว่า 20 ชั่วโมง  สีดำ หน้าจอ 3.5 นิ้ว multi-touch และ Wi-Fi (802.11b/g)  ราคา คือ 16,690 บาท

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สวัสดีค่ะ

สวัสดีค่ะ ชื่อ น.ส.อาทิติยา มหาลาภบุตร ชื่อเล่น จูน
อายุ 19 ปี ห้อง คพธ.542 เลขที่ 52 จ้า..

Hello..Every one
My name is Arthitiya  Mahalapburt
My nickname is June
I'm study Business Computer in Faculty of Management Science at PKRU.